คัมแบ็คคืนถิ่น พรีเมียร์ลีกอังกฤษ อีกครั้ง หลังไปค้าแข้งใน ลาลีก้า สเปน ช้านานกว่า 4 ปี แต่ผลงานไม่เป็นไปตามคาด ซึ่งการเปลี่ยนมาร่วมงานกับ แอสตัน วิลล่า(Aston Villa) ภายใต้การคุมกลุ่มของเพื่อนเก่า สตีเว่น เหน้าจอร์ราร์ด(Steven Gerrard) นับเป็นอีกหนึ่งความมุ่งหวังใหญ่ของแฟน ๆ สิงห์ผยองในฤดูกาลนี้อย่างมาก อย่างไรก็ตามการมาในครั้งนี้ของเจ้าตัว มาด้วยคำสัญญายืมตัว 1 ซีซั่น พร้อมด้วยข้อตกลงซื้อขาดอีก 33 ล้านปอนด์
การคืนสนามในนัดแรกของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่(Philippe Coutinho) นั้น นับว่าเป็น ข้อมูลข่าวสารกีฬารอบโลก ที่สื่อหลายๆ ๆ สำนัก มีความสนใจกับเอกสารการเล่นในพรีเมียร์ลีกอย่างมาก เคยฝากรับ60ไม่เคยฝากรับ50 ซึ่งในเกมแรกคูตินโญ่ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ หมดแล้วซึ่งความหวัง แม้จะลงเล่นในฐานะตัวที่เตรียมเผื่อเอาไว้ในนัดที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด(Manchester United) ก็ตาม
โดยในครึ่งแรกเจ้าตัวยังไร้จังหวะได้ลงสนามและโดนคู่ต่อสู้นำอยู่ 2-0 ก่อนที่ครึ่งหลังในนาทีที่ 68 เหน้าจอร์ราร์ดจะตกลงใจส่งคูตินโญ่ลงตัวจริง ซึ่งก็ได้ผล เนื่องจากเจ้าตัวได้แอสซิสต์ให้เพื่อจะนร่วมทีมตีไข่แตกในนาทีที่ 76 และยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกในนาทีที่ 81 ตีเสมอไปได้เป็นผล 2-2 ซึ่งจับเป็นเกมเปิดตัวได้ดี
ปรากฏได้ชัดว่าเจ้าตัวสามารถเข้าร่วมงานกับผู้ชี้แนะเพื่อนเก่าได้อย่างราบรื่น มีผลให้ กำหนดการคะแนนพรีเมียร์ลีก ขณะนี้วิลล่าคว้า 3 แต้ม ขยับขึ้นมาเป็นดีกรี 13 รอดตกลำดับ โดยมี 23 คะแนน ซึ่งถึงแม้ 5 นัดข้างหลังสุดสิงห์ผยองจะเก็บชัยได้เพียงนัดเดียว แต่การมาคูตินโญ่ในขณะเลก 2 นี้ เห็นได้ชัดได้ชัดว่ากำลังจะไปสู่ความเคลื่อนไหวไปในแนวทางที่ดีขึ้นอย่างแน่ๆ
ราฟาเอล เบนิเตซ(Rafael Benítez) กุนซือมากช่วงเวลาในการเรียนรู้ปัจจุบัน ได้ถูกโค่นเก้าอี้พ้นตำแหน่งแล้ว ข้างหลังคุม เอฟเวอร์ตัน(Everton) ได้เพียงครึ่งซีซั่นเท่านั้น ซึ่งเป็นอีก ข่าวกีฬารอบโลก ที่เฝ้าดูมองอย่างมาก ว่าท้ายสุดแล้วท๊อฟฟี่สีน้ำเงินจะได้ผู้จัดการทีมผู้ใดกันแน่มาสวมรอยแทน เพื่อต้นเหตุที่ส่งผลให้เบนิเตซจำเป็นจะต้องพ้นจากตำแหน่งนั้น อาจจะหนีไม่พ้นการคว้าชัยเพียง 1 เกม จาก 5 เกม ซึ่งคราวก่อนนั้นท๊อฟฟี่สีน้ำเงินไม่อาจจะเอาชนะทีมใดได้ทันที 8 นัดรวด มีผลให้ หมายกำหนดการคะแนนพรีเมียร์ลีก ในขณะนี้อยู่ภายในชั้นที่ 16 มี 19 แต้ม รอดโซนตกระดับอยู่ 2 ชั้นเชิง
เชื่อไหมว่าในเส้นทางนักบริหารกลุ่มฟุตบอล ตั้งแต่ปี 1979 เจ้าตัวมีจังหวะได้คุมทีมมาแล้วถึง 15 กลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มชาติเยาวชนไปถึงสโมสรลำดับโลก ไม่ว่าจะเป็นใน ลาลีก้า สเปน ในเวลาปี 2002-2004 เบนิเตซประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดกับ บาเลนเซีย(Valencia) สำหรับในการคว้าแชมป์ลาลีก้า สเปน 2 ยุคสื่อสารกัน และแชมป์ยูฟ่าคัพ 2003/2004 ก่อนที่จะตกลงใจเคลื่อนย้ายมาคุมลีกอันดับ 1 ของโลกอย่าง พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
ภายใต้สโมสรชื่อเรื่องดังอย่าง ลิเวอร์พูล(Liverpool) แน่ๆว่าเบนิเตซประสบความสำเร็จโดยตลอดในเส้นทางนี้กับการพาหงส์แดงคว้าแชมป์สุดยิ่งใหญ่ถึง 4 แดูป์ ดังเช่นว่า เอฟเอคัพ, คอมมิวนิตีชีลด์, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ และ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หลังหลังจากนั้นเจ้าตัวก็โบกมือลาเกาะอังกฤษแล้วไปคุมลีก กัลโช่ เซเรีย อา อย่างงูใหญ่ อินเตอร์มิลาน(Inter Milan) ซึ่งเขามีหัวใจสำคัญสำหรับในการพาทีมคว้าแชมป์ ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา
และ ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ ในฤดูกาล 2010 หลังจากนั้นไม่ยาวนานเบนิเตซก็กลับมาคุมทีมในเกาะอังกฤษอีกสักรอบ แต่ในครั้งนี้เขามาในสถานภาพอาจารย์ที่ปรึกษาชั่วคอย่างกับของ เชลซี(Chelsea) และมีส่วนช่วยพาสิงโตน้ำเงินครามคว้าแดูป์ยูฟ่ายูโรปาลีก 2012/2013 ก่อนที่ผลงานสุดนั้น เจ้าตัวจะกลับมาคุม นาโปลี(Napoli) ในอิตาลีอีกสักรอบ
และพาสโมสรก้าวขึ้นสู่การบรรลุผลสูงสุด ด้วยการคว้าแชมป์โกปปาอีตาเลียและซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา ในขณะปี 2013-2014 ก่อนที่จะผลงานหลังต่อจากนั้นจะค่อย ๆ ดร็อปลงกับทั้งกับ เรอัลมาดริด(Real Madrid) และ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด(Newcastle United) ก่อนที่จะมาจบลงกับท็อฟฟี่สีน้ำเงินและไม่บรรลุความสำเร็จยกตัวอย่างเช่นเคย
ผ่านมาถึงครึ่งฤชมกาลแล้ว สำหรับการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ลีกชั้น 1 ของโลกที่รวบรวมดาวเตะไว้เยอะมาก ซึ่งในปีนี้ แมนเชสเตอร์ซิตี้(Manchester City) เป็นกลุ่มตัวเต็งที่มีจังหวะคว้าแดูป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุด เพราะมีคะแนนลอยลำในลำดับชั้นจ่าฝูง 56 แต้ม นำอันดับ 2 อย่าง ลิเวอร์พูล(Liverpool) ที่มีอยู่ 45 แต้ม ซึ่งเหลือการแข่งขันชิงชัยในลีกอีกเพียง 16 นัด แค่นั้น ถ้าเรือใบสีฟ้าไม่พลาดก็มีโอกาสมากถึง 80% ที่จะคว้าแดูป์อีกสมัยไปครองได้อีกรอบ
เพื่อผลงาน พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในฤชมกาลนี้ของ แมนเชสเตอร์ซิตี้(Manchester City) ช่วง 5 นัดข้างหลังสุดสโมสรสามารถเก็บชัย 5 นัดรวด ซึ่งถ้ารวมสถิติการประลองก่อนหน้านี้ในซีซั่นนี้ทั้ง 22 เกม ทีมสามารถเอาชนะไปได้ 18 เกม เสมอ 2 เกม และแพ้เพียง 2 เกม โดยผลงานเดี๋ยวนี้ที่เรือใบสีฟ้าเฉือนเอาชนะสิงโตน้ำเงินครามไปได้นั้น มีผลให้สามารถตัดกำลังคู่แข่งให้ล่วงไปอยู่ด้านในลำดับชั้น 3 ทั้งที่ระหว่างต้นฤดูกาล
เชลซี(Chelsea) เป็นฝ่ายที่ครองจ่าฝูงได้อยู่หลากหลายสัปดาห์ สำหรับการทำประตูที่ยิงไปได้ของแมนซิตี้จาก 22 เกม หมวดหมู่เขาสามารถทำไปได้ถึง 54 ลูกและเสียไปเพียง 13 ลูกแค่นั้น สำหรับถ้วยรางวัลใหญ่ในปีนี้อย่างยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก พวกเขามีเกมที่จำเป็นต้องแย่งพื้นที่รอบ 16 ทีมกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน(Sporting Lisbon)
และถ้วยเอเอคัฟในรอบที่ 4 กับ ฟูลัม(Fullum) ซึ่งหากกลุ่มบรรลุความสำเร็จกำชัยได้ทั้ง 2 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ก็มีความเป็นไปได้อีกสักครั้ง่คงจะจะคว้า 3 ถ้วยมาครองในฤดูกาลนี้ อย่างไรก็แล้วแต่ทางที่ปรึกษาคนราวของทีมอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า(Pep Guardiola) ก็ได้ออกมาบ่งชี้ความมั่นใจกับพัฒนาการของทีม หลังเอาชนะสิงโตน้ำเงินครามเมื่อไม่ยาวนานมานี้ว่า
“สโมสรเราเหมาะสมได้ชัยชนะอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้คู่แข่งขันจะแข่งหนักแน่นก็ตาม และอีกหนึ่งสิ่งที่หลากหลาย ๆ คนเห็นได้ในช่วง 3-4 ปีข้างหลังมานี้ คือทีมพวกเราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อตัว ๆ”
ถ้ามองในภาพรวมของ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในตอน 10 ข้างหลังก่อนหน้านี้ แมนเชสเตอร์ซิตี้(Manchester City) ถือว่าเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จเยอะที่สุดในยุคนี้ กับการกวาดแชมป์ในช่วง 10 ปี ได้ถึง 5 สมัย กว้างขวาง แชมป์อีเอฟแอลคัพ 6 สมัย และ เอฟเอคัพ 2 สมัย หากนับรวมแล้วเวลาแค่เพียง 1 ทศวรรษ เรือใบสีฟ้าเป็นเจ้าของถ้วยสิ่งตอบแทนถึง 13 ถ้วย แม้ว่าจะไม่เคยได้แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์เลยก็ตาม
เนื่องจากว่าทีมไปได้ไกลที่สุดแค่เพียงรองแดูป์แค่นั้น สิ่งที่น่าทึ่งของสโมสรของการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2017/2018 นั้น อาจจะนี้ไม่พ้นการคว้าแต้มเต็ม 100 คะแนน ด้วยสถิติไร้พ่าย กว้างขวางแนวทางการทำประตูถล่มทะลาย 106 ลูก และมีคะแนนนำชั้นเชิง 2 มากถึง 19 แต้ม โดยผลงานของพวกเขาสามารถทำมันได้ดิบได้ดีโดยตลอดและไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงเลย ที่สำคัญยังเป็นสโมสรตัวแทนจากเกาะอังกฤษที่น่าเกรงขามที่สุดในสมัยนี้อีกต่างหาก
